อินเดียที่ผมรู้จัก
คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าอินเดียเป็นอย่างไงกันแน่ แล้วถ้าคุณเคยรู้แล้วนั้นคุณรู้ด้วยตัวของคุณเองหรือเปล่า ก่อนที่จะบอกว่าคุณรู้จักดีพอแล้วนั้น มาดูของผมก่อนว่าผมรู้อินเดียอย่างไงบ้างครับ
วันศุกร์, กันยายน 23, 2554
The Frist of India: มาถึง Dharamsala แลัวยัง...
The Frist of India: มาถึง Dharamsala แลัวยัง...: ครั้งแรกที่มาถึง Dharamsala ก็คิดว่าถึงแล้วซะอีก น้อยชายผมก็เลยบอกว่ายังครับยังต้องขึ้นไปอีกสิบกิโลโดยนั่งรถบัสไป สิบรูปีครับ (คูณด้วย 1.35...
วันเสาร์, พฤศจิกายน 27, 2553
สถานที่ที่หลายๆท่านอยากมา
งั้นผมจะพาท่านไปชมภาพกันก่อนนะครับเพื่อจะได้หายอยากคิดถึงกันบ้างสำหรับคนที่เคยมากันแล้ว และนำภาพมาให้ชมสำหรับผู้ศึกษาที่ต้องการเห็นบรรยากาสกันนะครับ หิิหิ
วันอาทิตย์, ตุลาคม 04, 2552
มาถึง Dharamsala แลัวยัง...
ครั้งแรกที่มาถึง Dharamsala ก็คิดว่าถึงแล้วซะอีก น้อยชายผมก็เลยบอกว่ายังครับยังต้องขึ้นไปอีกสิบกิโลโดยนั่งรถบัสไป สิบรูปีครับ (คูณด้วย 1.35 จะได้เงินไทยครับ) และในที่สุดก็เดินทางไปถึง Mc Leodgamj และตอนนี้เหนื่อยมากครับเพราะเดินทางติดต่อกันสองวันแล้วจากพุทธคยา ก็อยากจะพักแต่ทำไงได้ต้องหาบ้านอีก
เราสองคนจึงเดินและก็แบกของไปด้วยไปตาม บ้านพักต่างๆ แต่ราคาแพงมากครับท่าน
คืนนึ่งคิด 700,500,250,200,150,100 รูปี ในแต่ละที่ครับ
และในที่สุดผมก็ได้บ้านซะทีครับด้วยราคา 100 รูปีต่อวันครับโดยเช่าเป็นเดือนครับเดือนละ 3,000 รูปีครับผม เหนื่อยมากครับแต่ก็ยังขยันออกนอกบ้านไปชมบ้านเมืองเค้าและหาของทานครับ
วันพุธ, กันยายน 30, 2552
จุดเริ่มต้นเมือง Dharamsala
Dharamsala หรือธรรมซะล่า,ดามัสสลา ในหลายๆคนที่เรียกแตกต่างกันไป แต่ผมจะขอพูดเป็นภาษาปะกิจก็แล้วกัณ หิหิ Dharamsala เป็นเมืองแรกที่ผมอยากมาเป็นที่แรก แต่ก็ต้องล้มเหลวทุกครั้งไปครับ
ทำไมผมถึงอยากมา Dharamsala ก่อนนั้นเหรอ ก็เพราะว่า ผมได้ยินมาจากหลายๆคน พระอาจารย์หลายๆท่านก็บอกว่าที่ Dharamsala นั้นดีต่อการฝึกภาษาอังกฤษทำให้เรานั้นอยากมามากกว่าที่อื่นๆ
โอเคเข้าเรื่องล่ะกันนะครับ คืองี่ครับ ผมก็เป็นนักศึกษาอยู่ที่ Darjeeling ก็เีทียวไปเทียวมาที่ พุทธคยา บ่อยๆน่ะพอเข้าหน้าหนาวที่ Darjeeling ผมก็จะลงไป พุทธคยา แล้วช่วงหน้าหนาวนั้น ที่ Darjeeling ก็ปิดเทอมด้วยผมก็เลยมีเวลาอยู่สามถึงสี่เดือนในการออกไปท่องเที่ยวในเมืองอินตลาเดีย แล้วช่วงปีแรกๆนั้นผมก็ต้องกลับไทยทำวีซาใหม่บ้าง มีงานที่พุทธคยาบ้าง กลับไทยไปทำPassport ใหม่อีก ก็เลยไม่ได้ไปไหนมาก แต่ตอนนี้ผมก็ใกล้จะจบแล้วอีกเทอมเดียวเอง และก็มีเวลาอีกเกือบสี่เดือนต่อไปนี้ก่อนจะกลับไทยอีกครั้งไปสอบของมหาลัยสุโขทัยฯเพื่อสอบปฎิบัติเลยต้องกลับไทยครับ
ในการเดินทางมา Dharamsala มันเป็นที่น่าตื่นเต้นที่จะได้มาซะทีเพราะรอมานานถึง ห้าปีแล้ว และก็ได้มีโอกาส ผมก็รีบให้ได้มันมาครับ โดยการกำหนดเวลาที่แน่นอนแล้วก็จองตั้วมากับน้องชายเลยครับ
ที่คุณเห็นใต้นี้คือจุดเริ่มต้นก่อนที่จะได้ไป Dharamsala นั้นก็ึคือท่ารถไปเมืองต่างๆและเมืองDharamsalaด้วยครับ
ดูแล้วเป็นไงครับรถสามล้ออินเดียเจ๋งไหมครับ
พอพวกเรามาถึงก็หิวโซเลยครับท่านเพราะเดินทางมาไม่ค่อยได้ทานอะไรกันมาเลย แหม่เราก็คิดว่าทนได้นี่นาก็เพราะไม่หิวอะไรเลยสงสัยจะมึนที่นั่งนอนบนรถไฟนานๆมั่งครับ ก็แวะมาทานอะไรซะหน่อยก่อนจะขึ้นรถน่ะครับ
และนี่คืออาหารที่พวกเราได้ทานกันครับดูหน้าตาแล้วอย่าบอกว่าไม่หน้าทานนะครับเพราะมันอร่อยใช้ได้เลยล่ะครับ
อ่าหลังจากที่ได้ทานเป็นที่เรียบร้อยแล้วพวกเราก็รอรถบัสไปจุดหมายของเรานั้นคือ Dharasala ไงล่ะครับในหว่างการเดินทางใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมงในการเดินทางครับ
ในหว่างทางเราได้เห็นตลาดและเส้นทาง ก็อยากให้ทุกคนได้เห็นส่วนหนึ่งระหว่างทางบ้างน่ะครับอะดูกันเลย
ช่วงระหว่างทางก็มีตลาดด้วยครับ
ใกล้จะถึงแล้วครับอีกชั่วโมงกว่าครับ
เมื่อเราเดินทางกันมาเหนื่อยแล้วยังจะต้องมาหาบ้านอีกครับ คือพวกเราชอบบุกลุยเลยทีเดียวครับไม่ได้อาศัยใครมาเป็นคนนำทางและน้องชายผมก็เคยขึ้นมาก่อนบ้างแล้วด้วย ก็ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างสบายครับไม่ลำบากนัก
และนี่ืคือจุดเริ่มต้นและการเดินทางมา Dharamsala อย่างไม่ค่อยละเอียดเท่าไรครับแล้วจะเริ่มมาอัพให้ใหม่นะครับแล้ว เจอกันใน ชีวิตใน Dharamsala ในบทความต่อไปนะครับ ตอนนี้ขอจบไว้ก่อนนะครับผมแล้วเจอกันครับ
วันอังคาร, กันยายน 29, 2552
จุดเริ่มต้นของการเดินทางมาอินเดีย
ผมเป็นคนไทยที่เรียนอยู่ต่างประเทศที่คนไทยชอบพูดว่า"เมืองแขก" หรือในภาษาสากลว่า อินเดียผมเป็นนักเรียนที่เรียนอยู่ที่เมือง Darjeeling หรือ The Queen of the Hill ผมเรียนใน NIIT สาขาคอมฯปริญญาตรี หรือ Bsc.IT. ตอนนี้ผมอยู่ปีสุดท้ายแล้วจึงอยากจะเขียนเรื่องใน Darjeeling ให้ทุกคนได้รู้บ้างครับ
ครั้งแรกที่ผมได้พบกับเพื่อนใหม่จนทำให้ชีวิตของผมได้เปลี่ยนไปด้วย
คือผมบินจากประเทศไทยมาอินเดียที่เมืองคยา Gaya ที่บริเวณของสนามบินนั้นเต็มไปด้วยทุ่งนาตอนแรกที่เห็นก็คิดว่ายังไม่ถึงแต่ที่ไหน เครื่องบินกลับบินต่ำลง ต่ำลงล่ะ อ้าวอย่างนี้ก็แปลว่าถึงแล้วครับที่จริงในเครื่องบินเค้าก็คงบอกก่อนแล้วล่ะ แต่ผมโง่เองที่ฟังไม่ออกว่าเค้าพูดอะไรน่ะ และเพราะตอนนั้นผมนั้นไม่รู้ภาษาอังกฤษเลยและมันเป็นเหตุผลที่ผมต้องมาอินเดียด้วยนั้นแหละ เพราะพ่อผมเค้าบอกให้ผมไปภาษาที่อินเดียแล้วก็เรียนปริญญาตรีด้วย ที่จริงผมก็ไม่อยากมานักหลอกครับ "อินเดียเหรอ" ผมยังงงว่ามาแล้วจะเก่งอังกฤษจริงดิ แต่ก็มีพระอาจารย์ที่เป็นนักศึกษาบอกมากับพ่อกับแม่ผมที่ไปอินเดียก่อนที่ผมจะไปนั้นว่าอินเดียน่ะดีมีที่เรียนมากมาย และถูกด้วย มาเรียนเลย และเรียนอังกฤษก็ง่ายไม่ต้องไปเสียเงินมากมาย พ่อกับแม่ผมก็เลยมาชวนผมให้ไปอินเดีย และก็เป็นเกียรที่ได้ไปเรียนต่างประเทศด้วย
ซึ่งในตอนนั้นผมก็กำลังจะจบม.6 อยู่แล้วและพ่อแม่ก็ไปอินเดียก่อน จึงทำให้จุดเปลี่ยนมาจนถึงปัจจุบันครับและก็ทำให้ฝันของพ่อแม่ได้เป็นจริงอย่างที่คิดคือผมได้มาอินเดีย ได้เรียนอังกฤษจนสามารถติอต่อสื่อสารได้ และที่สำคัญคืือผมนั้นสามารถอยู่อินเดียได้แล้ว โดยที่บ้างคนนั้นแค่จะมายังไม่อยากจะมาเลย บางคนอยากมาแต่มาไม่ได้ บางคนก็ไม่มีเงินพอ บางคนก็โดนเพื่อนและญาติคนใกล้ชิดห้ามเอาไว้ทำให้ไม่สามารถมาได้ บางคนมีธุระมากมายก็ต้องอยู่ที่ไทยไปไหนไม่ได้น่ะ
แต่ผมนั้น พอได้ยินจากพ่อว่าจะให้ไปอินเดีย ผมก็อยากมาแล้ว แล้วก็ได้มา และได้อยู่ เรียน ตามประสงค์ที่ได้กำหนดไว้
อะนอกเรื่องมามากแล้ว อะจะเล่าต่อก็แล้วกันครับ แต่เดี๋ยวให้ดูสัญญลักษณ์ ของเมืองนี้ก่อนครับ และที่นี่ก็คือเมืองพุทธคยา ที่เราได้เรียนกันตอนเด็กๆว่าสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั้นก็คือ พุทธคยา นั้นเองครับ และข้างล่างนี้คือ พุทธคยา ครับ
และนี่คือจุดเริ่มต้นของผมที่เปลี่ยนชีวิตของผมในหลายๆอย่างครับ และทำให้มีประสบการณ์ในหลายๆเรื่องที่บางคนไม่รู้ และในบางคนก็ไม่อยากมาลองประสบการณ์ที่อันตรายเช่นกัน ในหลายๆเรื่องครับผมแล้วผมจะบอกในบล๊อกต่อไปในหัวข้อเรื่องต่างๆดังนี้ครับ ประสบการณ์เดินทางในอินเดีย,ความรู้สึกที่ได้มาเรียนที่อินเดีย,สถานที่ที่น่าสนใจในอินเดีย,อะไรที่คุณคิดว่ามีในอินเดียบ้าง,เมื่อคุณคิดถึงที่บ้านคุณจะทำอะไรบ้าง,ฯลฯ มีหลายเรื่องครับ
แล้วพบกันใหม่ในฉบับหน้าของนาย Mr.All Over
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)